ระยะฟักตัวของโรค: 6 - 21 วัน 5. การวินิจฉัยโรค: การวินิจฉัยโรคโดยวิธี ELIZA หรือ PCR ซึ่งวิธีการ PCR เป็นการแยกเชื้อไวรัสจากเลือด ปัสสาวะ, ตัวอย่างจากคอหอย และต้องมีการเก็บตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการ เซรุ่มที่ใช้จะต้องผ่านความร้อน 140oฟ. เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อยับยั้งเชื้อไวรัส 6. การรักษา: ให้ยาไรบาวิริน (Ribavirin) ทางหลอดเลือดดำ ภายใน 6 วันแรกที่เริ่มป่วย เริ่มด้วยขนาด 30 mg/kgและตามด้วย 15 mg/kg ทุก 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 4 วัน 8 mg/kg ทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 6 วันถัดมา 7. การแพร่ติดต่อโรค: เกิดจากการสัมผัสละอองฝอย หรือการสัมผัสจากอุจจาระของหนูที่ติดเชื้อตามพื้นผิว เช่นเตียงนอน หรือการสัมผัสอาหารและนํ้าที่ปนเปื้อนเชื้อหรือการแพร่เชื้อในห้องปฏิบัติการ และสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาล เช่น การฉีดวัคซีนโดยใช้เข็มที่ปนเปื้อนเชื้อและติดต่อได้ทางสารคัดหลั่ง ปัสสาวะ อุจจาระ และโรคนี้ยังสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนทางเพศสัมพันธ์ 8. มาตรการป้องกันโรค: ควบคุมหนู สัตว์กัดแทะ เป็นกรณีพิเศษ 9. มาตรการควบคุมการระบาด: ควบคุมพาหะ คือ หนู โดยเก็บข้าว และอาหารอื่นๆ ในที่เก็บที่ปราศจากหนู ควบคุมพาหะและผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล โดย มีมาตรการที่เข้มงวดและให้การรักษาโดยให้ยาไรบาวิริน (Ribavirin) เอกสารอ้างอิง: 1.
โรคไข้ลัสสา (LASSA FEVER) 1. ลักษณะโรค: เป็นไข้เฉียบพลันในช่วงระยะ 1 - 4 สัปดาห์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสลัสสา (Lassa virus) ซึ่งเป็น สายพันธุ์ arenavirus (ดังรูปที่ 31) รูปที่ 31 เชื้อไวรัสลัสสาใน Vero cell จากกล้องจุลทรรศน์อิเลคตรอน (กำลังขยาย 121, 000 เท่า) (Lassa virus, Electron micrograph of Lassa virus in the fi rst Vero cell) 2. ระบาดวิทยา: สถานการณ์ทั่วโลก: โรคไข้ลัสสาเป็นโรคในแถบแอฟริกาตะวันตก โรคนี้พบครั้งแรกในปี พ. ศ. 2493 ที่โรงพยาบาลของประเทศไนจีเรีย ตั้งแต่นั้นมามีการระบาดอย่างกว้างขวางในประเทศไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอนและกินี การระบาดของโรคเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน เป็นโรคที่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย โดยมีหนูเป็นพาหะนำโรคโดยติดต่อจากเศษอาหารหรือของใช้ในครัวเรือนปนเปื้อนกับอุจจาระหนู ส่วนการติดเชื้อจากห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลยังสามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งติดจากสิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาลที่ยังไม่มีมาตรการในการควบคุมการติดเชื้อที่เพียงพอ สถานการณ์โรคในประเทศไทย: ยังไม่พบรายงานของโรคนี้ 3. อาการของโรค: มีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ มีอาการไออาเจียน ท้องร่วง เจ็บหน้าอกและช่องท้อง อาการไข้จะยังคงมีอยู่ตลอด หรืออาจไข้สูงเป็นระยะ อาการตาอักเสบและคออักเสบเป็นหนอง มักพบได้บ่อย ผู้ป่วยร้อยละ 80มักมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการเลือดออก ช็อก มีอาการหน้าบวมคอบวม เกล็ดเลือดจะลดลงและการทำงานของเกล็ดเลือดจะผิดปกติ ผู้ป่วยประมาณ ร้อยละ 25 มีอาการหูหนวก 4.
ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นพิเศษ โดยหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ควรล้างทำความสะอาดภาชนะที่ใช้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรค 2. ดูแลความสะอาดรอบๆ ที่พัก เพื่อควบคุมการกำจัดหนูและสัตว์กัดแทะซึ่งเป็นพาหะนำโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้มีการเตรียมพร้อมที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวหลังจากกลับจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หากมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บหน้าอก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจรักษา แจ้งประวัติการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 4 พฤษภาคม 2561 ที่มา ผู้จัดการ ออนไลน์ Posted By STY_Lib Views, 462
ศ. 2020) เฉพาะในประเทศไนจีเรียซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในครั้งนี้มีผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วกว่า 970 คน ดูเหมือนเป็นจำนวนที่ไม่เยอะใช่ไหมครับ แต่ผมจะพาไปดูจำนวนผู้เสียชีวิต จะอยู่ที่ 186 คนเท่ากับว่ามีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 19. 18% เลยทีเดียวซึ่งถือว่ามีอัตราการเสียชีวิตสูงมากๆ(จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ประมาณ 3. 4%:ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก รายงายวันที่ 11 มีนาคม 2563) โรคไข้ลาสซาเป็นโรคระบาดที่เกิดประจำถิ่นในกลุ่มประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก พบการระบาดครั้งแรกในปี ค.
แหล่งที่มา: 2. Centers for disease control and prevention, National center for emerging and zoonotic, Viral Hemorrhagic fevers[ออนไลน์], 18 June, 2013, แหล่งที่มา: 3. คู่มือการพยาบาลผู้ป่วยโรคติดต่อ/โรคอุบัติใหม่/โรคอุบัติซ้ำ, สถาบันบำนาศนราดูร, แหล่งที่มา (3) 4. Nigeria center for Disease Control, Lassa fever Situation Report, Cumulative from week 1-13, 2020, แหล่งที่มา: 5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3)พ. 2563, แหล่งที่มา: 6. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ. 2558, แหล่งที่มา: 7. We, Nigeria is already dealing with a deadlier viral outbreak than COVID-19, 13 Mach 2020, แหล่งที่มา: 8., The next Global health emergency? What is Lassa fever?, February 15, 2020, แหล่งที่มา:
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต เฝ้าระวัง "โรคไข้ลาสซา" หลังพบระบาดในแอฟริกา เผยแพร่: 3 พ. ค. 2561 16:48: ปรับปรุง: 3 พ. 2561 19:25: โดย: MGR Online สธ. เฝ้าระวัง "โรคไข้ลาสซา" หลังพบการระบาดแถบประเทศแอฟริกาตะวันตก พร้อมคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง แนะผู้ที่จะเดินทางไปแถบแอฟริกาตะวันตกให้ระวังตนเอง วันนี้ (3 พ. ) นพ. อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร. ) กล่าวว่า จากที่มีรายงานข่าวการระบาดของโรคไข้ลาสซา หรือ โรคไข้เลือดออกลาสซาในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก นั้น องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม. - 29 เม. ย.
จากสัตว์สู่คน ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรง หรือการสัมผัสสิ่งปนเปื้อนสารคัดหลั่งของหนู 2. ติดต่อทางอากาศ การรับเชื้อโดยการหายใจเอาอากาศที่มีเชื้อไวรัสทั้งจากสัตว์ฟันแทะที่ป่วย และผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย 3. จากคนสู่คน โดยการสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือการปนเปื้อนสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ รวมถึง การรับเชื้อทางอสุจิ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านความมั่นคงของอเมริกาได้เขียนบทความผ่านเวปไซต์ (เดือนกุมภาพันธ์ ค. 2020) ว่าไข้ลาซซานั้นกำลังถูกจับตามอง ว่าอาจจะ ทำให้เกิดการระบาดและปัญหาด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบกับคนทั่วโลกได้และในปี ค. 2018 ดร.
Sitemap | meboconstruct.com, 2024